Centralized Exchange (CEX) และ Decentralized Exchange (DEX) ต่างกันอย่างไร? เจาะลึกสองแพลตฟอร์มยอดฮิตสำหรับซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล

2025-02-13

เมื่อพูดถึงสินทรัพย์ดิจิทัล ชื่อของ Centralized Exchange (CEX) และ Decentralized Exchange (DEX) มักปรากฏให้เห็นอยู่เสมอในวงการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หรือผู้มีประสบการณ์ ก็ต้องรู้จักและเคยใช้แพลตฟอร์มทั้งสองรูปแบบนี้มาบ้างไม่มากก็น้อย แต่แท้จริงแล้ว CEX และ DEX แตกต่างกันอย่างไร? บทความนี้จะพาคุณเจาะลึกความแตกต่างระหว่าง CEX และ DEX


Centralized Exchange (CEX) คืออะไร?

CEX คือแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตที่มีองค์กรหรือบริษัทกลาง เช่น Binance TH คอยเป็นผู้ดูแลและควบคุมระบบทั้งหมด ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการจับคู่คำสั่งซื้อขาย (Order Matching) รวมถึงดูแลสภาพคล่อง และเก็บรักษาสินทรัพย์ของผู้ใช้งาน

ลักษณะของ CEX

ต้องฝากทรัพย์สินไว้กับ Exchange
ผู้ใช้ต้องฝากโทเคนหรือคริปโตเคอร์เรนซีเข้าไปยังกระเป๋า (Wallet) ของบริษัทกลาง ทำให้ในทางปฏิบัติ ผู้ใช้ไม่ได้ถือ Private Key ของตนเอง แต่อยู่ในความดูแลของบริษัท

มีการทำ KYC (Know Your Customer)
โดยส่วนมาก CEX ที่ถูกกฎหมายจะต้องดำเนินการตรวจสอบตัวตนผู้ใช้งานตามข้อกำหนดในแต่ละประเทศ เพื่อป้องกันการฟอกเงินหรือการทำธุรกรรมผิดกฎหมาย

ความเร็วในการซื้อขายสูง
การซื้อขายภายในระบบเซิร์ฟเวอร์ของบริษัทกลางทำให้สามารถจับคู่คำสั่งได้รวดเร็ว ค่าธรรมเนียมการเทรดอาจถูกกำหนดชัดเจนตามระดับของผู้ใช้งาน (เช่น Maker/Taker Fee) แต่โดยทั่วไปค่า Gas หรือ Network Fee ภายในแพลตฟอร์มนั้นมักต่ำกว่า DEX

มีบริการเสริมหลากหลาย
เนื่องจากเป็นองค์กรที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จึงมีฟีเจอร์ต่าง ๆ เช่น Margin Trading, Futures, Options, Staking หรือ Lending มาให้บริการเพิ่มเติม



Decentralized Exchange (DEX) คืออะไร?

DEX คือแพลตฟอร์มการซื้อขายคริปโตที่ทำงานบนบล็อกเชนผ่านสัญญาอัจฉริยะ (Smart Contract) ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถซื้อขายแบบ Peer-to-Peer ได้โดยไม่ต้องอาศัยตัวกลาง ทำให้ผู้ใช้เป็นผู้ควบคุมสินทรัพย์ของตนเองอย่างแท้จริง

ลักษณะของ DEX

ผู้ใช้ถือ Private Key เอง
ไม่ต้องฝากทรัพย์สินไว้กับองค์กรใด เมื่อผู้ซื้อขายต้องการแลกเปลี่ยนโทเคน ระบบจะดำเนินการผ่าน Smart Contract บนบล็อกเชน

ไม่ต้องทำ KYC ในหลายแพลตฟอร์ม
ส่วนใหญ่ DEX ไม่บังคับให้ผู้ใช้ทำ KYC เพราะการซื้อขายอ้างอิงจากกระเป๋าเงินดิจิทัล (Wallet) ของผู้ใช้โดยตรง ทำให้เป็นระบบที่มีการปกปิดตัวตนมากกว่า

การทำธุรกรรมอิงตามบล็อกเชน
ค่าธรรมเนียม (Gas Fee) และความเร็วในการทำธุรกรรมขึ้นอยู่กับสภาพเครือข่าย (Network) เช่น Ethereum, BNB Chain หรือบล็อกเชนอื่น ๆ



ไม่ว่าจะเป็น Centralized Exchange (CEX) หรือ Decentralized Exchange (DEX) ต่างก็มีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป การใช้งานแพลตฟอร์มใดจึงขึ้นอยู่กับความรู้ ทักษะ และระดับความเสี่ยงที่ผู้ใช้งานยอมรับได้ สำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นและต้องการความสะดวก CEX มักเป็นทางเลือกแรก ๆ ที่ปลอดภัยระดับหนึ่งและมีการสนับสนุนผู้ใช้ชัดเจน ในขณะที่ผู้ใช้งานที่มีประสบการณ์มากขึ้นและต้องการความเป็นอิสระสูง การใช้ DEX จะช่วยให้สามารถควบคุม Private Key ของตนเอง และเข้าถึงโทเคนแปลกใหม่ได้มากกว่า

ท้ายที่สุดแล้ว การลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซีถือว่ามีความเสี่ยงสูง ไม่ว่าจะใช้งาน CEX หรือ DEX ก็ควรศึกษาและทำความเข้าใจแพลตฟอร์มให้ละเอียดก่อนเริ่มลงทุน รวมถึงวางแผนบริหารความเสี่ยงด้วยการกระจายพอร์ต (Diversification) เพื่อป้องกันความเสียหายหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นครับ



คำเตือน : คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้

Source : https://academy.binance.com/en/articles/what-s-the-difference-between-a-cex-and-a-dex