Raydium คืออะไร?

Raydium เป็นหนึ่งในโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของระบบการเงินแบบกระจายศูนย์ (Decentralized Finance – DeFi) บนบล็อกเชน Solana ทำหน้าที่เป็นทั้ง Automated Market Maker (AMM) และ Decentralized Exchange (DEX) เปิดให้ผู้ใช้งานสามารถซื้อขาย (Swap) จัดหาสภาพคล่อง (Provide Liquidity) และรับผลตอบแทน (Earn Rewards) ได้
Raydium เปิดตัวครั้งแรกในปี 2021 และเป็นที่จับตามองด้วยจุดเด่นอย่างการผสานรวม (Integration) เข้ากับ Serum ซึ่งเป็นโปรโตคอล Order Book แบบกระจายศูนย์ (Decentralized Order Book Protocol) ทำให้สามารถเข้าถึงสภาพคล่องที่กว้างขึ้นเมื่อเทียบกับ AMM ทั่วไป โดย Raydium อาศัยความได้เปรียบของ Solana ในเรื่องค่าธรรมเนียมต่ำและความเร็วในการประมวลผลธุรกรรมที่สูง
จุดเด่น (Key Features) ของ Raydium
Raydium เป็นโปรโตคอล DeFi ที่รวมฟังก์ชันของ AMM เข้ากับระบบ Order Book แบบศูนย์กลางไว้ด้วยกัน โดยต่างจาก AMM ทั่วไปที่ใช้กลไกสมดุลราคาจาก Liquidity Pool เพียงอย่างเดียว Raydium เชื่อมต่อกับ Serum’s Central Limit Order Book ซึ่งช่วยให้เข้าถึงสภาพคล่องได้มากขึ้น และมอบราคาที่ดีขึ้นแก่ผู้ใช้งาน
การที่ Raydium สร้างบนบล็อกเชน Solana ทำให้โปรเจกต์ได้รับประโยชน์จากค่าแก๊ส (Gas Fee) ที่ต่ำ และความเร็วในการประมวลผลธุรกรรมที่สูง ซึ่งสามารถรองรับธุรกรรมได้หลายพันรายการต่อวินาที (TPS) นับเป็นอีกทางเลือกสำหรับเทรดเดอร์และผู้ให้สภาพคล่อง (LP) ที่ต้องการประสิทธิภาพและความสามารถในการขยาย (Scalability)
คุณสมบัติเด่น (Core Features)
ความเร็วในการทำธุรกรรม (Fast Transactions): Raydium ใช้ความสามารถประมวลผลของ Solana ซึ่งรองรับธุรกรรมได้หลายพันรายการต่อวินาที
ค่าธรรมเนียมต่ำ (Low Fees): Solana มีค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมที่ต่ำ ทำให้การซื้อขายหรือให้สภาพคล่องผ่าน Raydium ประหยัดค่าใช้จ่ายเมื่อเทียบกับบล็อกเชนอย่าง Ethereum
สภาพคล่องสูง (Deep Liquidity): การเชื่อมต่อกับ Serum ช่วยให้ Raydium เข้าถึงสภาพคล่องที่ลึกกว่าปกติ ส่งผลให้ราคาซื้อขายเหมาะสมขึ้นและลดความเสี่ยงจาก Slippage
อินเทอร์เฟสใช้งานง่าย (User-Friendly Interface): Raydium ออกแบบแพลตฟอร์มให้ใช้งานง่าย ทั้งสำหรับการเทรด การฟาร์ม และการเข้าร่วมในโปรเจกต์ใหม่
Raydium ทำงานอย่างไร?
1. Automated Market Making (AMM)
Raydium เปิดให้ผู้ใช้งานซื้อขายโทเค็นผ่าน Liquidity Pool โดยไม่ต้องมีคู่เทรด (Counterparty) ในแต่ละรายการ โดยราคาจะถูกกำหนดแบบอัลกอริทึมตามปริมาณอุปสงค์และอุปทานในพูล (Pool)
2. การเชื่อมต่อกับ Serum (Integration with Serum)
จุดเด่นสำคัญของ Raydium คือการเชื่อมต่อกับ Order Book ของ Serum ในขณะที่ AMM ส่วนใหญ่จำกัดสภาพคล่องอยู่ในแพลตฟอร์มของตนเอง Raydium สามารถเข้าถึง Order Book ของ Serum ได้โดยตรง ทำให้ผู้ใช้งานได้รับข้อเสนอราคาที่ดีกว่า และมีสภาพคล่องรวมที่สูงกว่า
3. Yield Farming
ผู้ที่เพิ่มสภาพคล่องใน Raydium สามารถนำ LP Token ที่ได้จากการฝากสินทรัพย์ในพูลไป Stake ในฟาร์มเพื่อรับรางวัลเพิ่มเติม กลไกนี้เป็นแรงจูงใจที่ทำให้ผู้ใช้งานสนใจเพิ่มสภาพคล่อง และช่วยขับเคลื่อนสภาพคล่องในแพลตฟอร์ม
4. Launchpad สำหรับโปรเจกต์ใหม่
Raydium มีโครงการ Accelerator ที่ให้โปรเจกต์ใหม่เข้ามาเปิดตัวโทเค็น (Token Launch) เพื่อดึงดูดสภาพคล่องจากชุมชนผู้ใช้งานขนาดใหญ่ ช่วยให้โปรเจกต์ที่เพิ่งเริ่มต้นมีโอกาสเติบโต และเปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานได้ลงทุนในโทเค็นน่าสนใจตั้งแต่ระยะเริ่มต้น
สรุป
Raydium คือโปรเจกต์ DeFi ที่โดดเด่นจากการผสานคุณสมบัติ AMM เข้ากับ Order Book แบบศูนย์กลาง ช่วยให้ได้สภาพคล่องลึกและราคาสินทรัพย์ที่น่าสนใจ อีกทั้งยังอาศัยจุดแข็งของบล็อกเชน Solana ที่ให้ความเร็วสูงและค่าธรรมเนียมต่ำ จึงเป็นอีกหนึ่งฟันเฟืองสำคัญในระบบนิเวศคริปโต
อย่างไรก็ตาม เช่นเดียวกับโปรเจกต์ DeFi อื่น ๆ ผู้ใช้งานควรศึกษาและประเมินความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน ทั้งความผันผวนของตลาด (Market Volatility) ความเสี่ยงจากการ Rug Pull ประเด็นด้านกฎระเบียบ (Regulations) และปัญหาทางเทคนิคที่อาจเกิดขึ้น เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มได้อย่างรอบคอบและปลอดภัยที่สุด
คำเตือน : คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
Source : https://academy.binance.com/en/articles/what-is-raydium-ray