Particle Network (PARTI) คืออะไร?

2025-04-17

การเติบโตของเทคโนโลยีบล็อกเชนก่อให้เกิดเครือข่ายบล็อกเชนหลากหลาย แต่ละเครือข่ายก็มีระบบนิเวศ (ecosystem) ของตัวเอง แม้ว่าจะเป็นประโยชน์ให้ผู้ใช้งานมีทางเลือกที่มากขึ้น แต่ก็ทำให้เกิดปัญหาด้านสภาพคล่องที่กระจัดกระจาย และการเชื่อมต่อข้ามเครือข่าย (cross-chain) ที่ซับซ้อนขึ้น Particle Network ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้ โดยมุ่งให้เครือข่ายต่าง ๆ สื่อสารกันได้อย่างง่ายดาย และรวมการทำธุรกรรมข้ามบล็อกเชนให้เป็นหนึ่งเดียว

Particle Network คือบล็อกเชนเลเยอร์ 1 (Layer-1) ที่สร้างขึ้นเพื่อทำให้การใช้งาน Web3 ง่ายขึ้นและบูรณาการได้ดีขึ้น ด้วยแนวคิด “Chain Abstraction” ทำให้ผู้ใช้งานสามารถโต้ตอบกับหลายเครือข่ายได้จากบัญชีเดียว โดยไม่ต้องยุ่งยากในการเชื่อมสะพานโทเคน (bridge) หรือต้องบริหารจัดการกระเป๋าเงินคริปโตหลายอัน

ทำไม Particle Network ถึงถูกสร้างขึ้นมา?

ในโลกของ Web3 ที่ปัจจุบันมีเครือข่ายและบล็อกเชนรุ่นใหม่ ๆ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่น บล็อกเชนแบบโมดูลาร์ (modular) หรือเครือข่ายเฉพาะสำหรับแอปพลิเคชัน (application-specific blockchain) สิ่งนี้ก่อให้เกิดความกระจัดกระจายของสภาพคล่อง (liquidity) และผู้ใช้จำเป็นต้องกระจายสินทรัพย์ไปยังหลาย ๆ กระเป๋าและเครือข่าย นอกจากนี้ยังต้องถือครองโทเคนเฉพาะของแต่ละเครือข่ายสำหรับใช้เป็นค่าธรรมเนียม

Particle Network จึงถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อลดความซับซ้อนเหล่านี้ โดยสร้างระบบนิเวศ (ecosystem) แบบรวม (unified ecosystem) ให้ผู้ใช้งาน Web3 เข้าถึงได้ง่ายขึ้น ทั้งยังส่งเสริมให้มีการใช้งานบล็อกเชนและสกุลเงินคริปโตอย่างแพร่หลาย

Particle Network ทำงานอย่างไร?

Particle Network มีฟีเจอร์หลักหลายอย่างเพื่อรองรับการใช้งานข้ามเครือข่ายอย่างราบรื่น ได้แก่ Universal Accounts, Universal Liquidity และ Universal Gas

1. Universal Accounts

หนึ่งในผลิตภัณฑ์สำคัญของ Particle Network เรียกว่า “Universal Accounts” ซึ่งให้ผู้ใช้มีที่อยู่บัญชี (address) และยอดคงเหลือ (balance) เดียวกันในการใช้งานหลายเครือข่าย ทำให้ไม่ต้องเปลี่ยนสลับเครือข่ายเอง จึงลดความยุ่งยากและเพิ่มความคล่องตัวในการใช้งาน Web3

  • ใช้งานง่ายขึ้น – ไม่ต้องบริหารจัดการกระเป๋าเงินหลายใบ

  • ปลอดภัยมากขึ้น – ลดความเสี่ยงจากการถือครอง private keys หลายตัว

  • โต้ตอบกับ DApp ได้สะดวก – เข้าถึงแอปพลิเคชันกระจายศูนย์ (DApps) บนเครือข่ายต่าง ๆ ผ่านบัญชีเดียว

2. Universal Liquidity

ปัญหาหลักอีกข้อหนึ่งคือสภาพคล่องที่กระจัดกระจาย ซึ่งทำให้สินทรัพย์ติดอยู่บนแต่ละเครือข่ายและยากต่อการนำไปใช้งาน Particle Network แก้ปัญหานี้ด้วย “Universal Liquidity” ที่ให้ผู้ใช้เข้าถึงและใช้งานสินทรัพย์ข้ามเครือข่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Universal Liquidity ทำงานผ่านกระบวนการที่เรียกว่า atomic cross-chain transaction ซึ่งช่วยให้การซื้อขายและการโอนสินทรัพย์เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติข้ามเครือข่ายอย่างต่อเนื่อง

3. Universal Gas

ในการทำธุรกรรมบนแต่ละบล็อกเชน ผู้ใช้ต้องเสียค่าธรรมเนียม (gas fee) ซึ่งมักจะเป็นโทเคนประจำเครือข่ายนั้น ๆ ทำให้ผู้ใช้ต้องคอยถือครองโทเคนหลายชนิดเพื่อจ่ายค่า gas

Particle Network เสนอระบบ “Universal Gas” ที่ให้ผู้ใช้จ่ายค่าธรรมเนียมได้ด้วยโทเคนใดก็ได้ ไม่ว่าจะทำธุรกรรมบนเครือข่ายใดก็ตาม ผ่านกลไก Paymaster ซึ่งจะทำการแลกเปลี่ยนโทเคนที่เราถือให้เป็นโทเคนที่เหมาะสมสำหรับจ่ายค่าธรรมเนียมโดยอัตโนมัติ

  • ไม่ต้องถือหลายโทเคน – ลดความวุ่นวายในการบริหารกระเป๋าหลายสกุล

  • เป็นมิตรกับผู้ใช้ใหม่ – เข้าถึงได้ง่าย ไม่ต้องกังวลเรื่องค่า gas

  • ลดขั้นตอน – ไม่ต้องแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ก่อนทำธุรกรรม

ออกแบบเป็น Layer-1 แบบโมดูลาร์

Particle Network ถูกออกแบบให้เป็นเลเยอร์ 1 ที่มีความยืดหยุ่นและขยายตัวได้ง่าย (modular design) เพื่อทำหน้าที่เป็น “engine” ที่ประสานงาน Universal Accounts และจัดการธุรกรรมข้ามบล็อกเชนอย่างมีประสิทธิภาพ

ลักษณะเด่นของการออกแบบแบบโมดูลาร์ ได้แก่:

  • State synchronization – ทำให้ยอดคงเหลือและสถานะบัญชีของผู้ใช้ตรงกันในทุกเครือข่าย

  • Outsourced validation และ data storage – ใช้บริการภายนอกเพื่อยืนยันและจัดเก็บข้อมูล ทำให้ระบบมีประสิทธิภาพมากขึ้น

  • High-performance execution environment – รองรับ Ethereum Virtual Machine (EVM) ทำให้เข้ากันได้กับ DApp และโปรเจกต์บล็อกเชนที่มีอยู่แล้ว

สรุป

Particle Network เป็นโครงการบล็อกเชนที่มีแนวคิดแปลกใหม่ มุ่งแก้ไขปัญหาการกระจัดกระจายในโลกของ Web3 ผ่านแนวคิดอย่าง Universal Accounts, Universal Liquidity และ Universal Gas ซึ่งช่วยให้ประสบการณ์การใช้งานข้ามเครือข่ายเป็นไปได้อย่างราบรื่นและเป็นมิตรกับผู้ใช้

ด้วยสถาปัตยกรรมเลเยอร์ 1 แบบโมดูลาร์ Particle Network ตั้งเป้าที่จะสร้างสภาพแวดล้อมที่ขยายได้ดีและไร้รอยต่อ ทั้งสำหรับผู้ใช้และนักพัฒนาบล็อกเชน เป้าหมายหลักคือเพื่อยกระดับการเชื่อมต่อระหว่างเครือข่ายต่าง ๆ และทำให้เทคโนโลยีบล็อกเชนเข้าถึงผู้คนได้กว้างขึ้นในอนาคต