Hyperlane (HYPER) คืออะไร?

เมื่อมีเครือข่ายบล็อกเชนใหม่ ๆ เกิดขึ้นทุกปี ความท้าทายสำคัญอย่างหนึ่งคือการทำให้บล็อกเชนเหล่านี้สื่อสารกันได้อย่างปลอดภัยและรวดเร็ว
Hyperlane คือโปรโตคอลที่ออกแบบมาเพื่อแก้ไขปัญหานี้ โดยช่วยให้การเชื่อมต่อและส่งข้อมูลระหว่างบล็อกเชนทำได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องพึ่งพาศูนย์กลางหรือคนกลาง
ไม่ว่าจะเป็นการส่งข้อมูล โทเคน หรือเรียกใช้งาน Smart Contract ข้ามเครือข่าย Hyperlane ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อทำให้การสื่อสารข้ามบล็อกเชนมีความยืดหยุ่น รวดเร็ว และปลอดภัย
Hyperlane ทำงานอย่างไร?
Hyperlane เป็นโปรโตคอลที่เน้น Interoperability หรือการทำให้บล็อกเชนต่างระบบสามารถสื่อสารและโต้ตอบกันได้อย่างราบรื่น
นักพัฒนาสามารถใช้ Hyperlane เพื่อส่งข้อความ โอนทรัพย์สิน และกระตุ้น Smart Contract ข้ามบล็อกเชนหลายระบบ
สิ่งที่ทำให้ Hyperlane แตกต่าง คือ การออกแบบให้ Permissionless (ไม่ต้องขออนุญาต) และ Modular (ปรับแต่งได้) ซึ่งหมายความว่านักพัฒนาสามารถติดตั้ง Hyperlane บนเครือข่ายใด ๆ ก็ได้ ตั้งแต่ Layer 1, Rollup ไปจนถึง App-chain โดยปรับแต่งระดับความปลอดภัยตามที่ต้องการได้
จุดเด่นสำคัญของ Hyperlane
1. Permissionless
Hyperlane เปิดให้ใครก็ได้สามารถนำไปติดตั้งบนบล็อกเชนที่ต้องการได้ทันทีโดยไม่ต้องขออนุญาตจากทีมพัฒนา
2. ระบบส่งข้อความข้ามเครือข่าย (Mailbox)
Hyperlane ใช้สมาร์ตคอนแทรกต์ชื่อ Mailbox บนทุกเครือข่ายที่รองรับ เพื่อส่งและรับข้อความข้ามเครือข่าย เปรียบได้กับกล่องจดหมายกลางสำหรับบล็อกเชน
เมื่อมีการส่งข้อความ ข้อมูลจะถูกส่งผ่าน Mailbox บนต้นทาง และถูกตรวจสอบโดยระบบรักษาความปลอดภัย (Security Module) ก่อนจะถูกประมวลผลบนปลายทาง
3. ระบบความปลอดภัยแบบปรับแต่งได้ (ISMs)
Hyperlane ใช้แนวคิด Interchain Security Modules (ISMs) เพื่อให้นักพัฒนากำหนดรูปแบบการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลข้ามเครือข่ายได้อย่างยืดหยุ่น
รูปแบบการใช้งาน ISMs มี 4 แบบ
ใช้ ISM เริ่มต้นที่ติดมากับ Mailbox
เลือก ISM สำเร็จรูปแล้วปรับแต่งการตั้งค่า
ผสมหลาย ISMs เพื่อสร้างระบบรักษาความปลอดภัยแบบหลายชั้น
เขียน ISM ขึ้นมาเองเพื่อรองรับการใช้งานพิเศษ
ตัวอย่างเช่น หากสร้างแอปพลิเคชันด้านการเงินมูลค่าสูง อาจเลือกใช้ ISM ที่เน้นความปลอดภัยสูง แม้จะใช้ก๊าซ (gas) มากขึ้น หรือทำงานช้าลง เพื่อความปลอดภัยสูงสุด
4. รองรับหลายระบบ VM
Hyperlane รองรับหลาย Virtual Machines เช่น
EVM (Ethereum Virtual Machine) ที่ใช้บน Ethereum
SVM (Sealevel Virtual Machine) ที่ใช้บน Solana
CosmWasm ที่ใช้บนบล็อกเชนแบบ Cosmos SDK
และสามารถส่งข้อมูลหรือสินทรัพย์ข้ามระหว่าง VM ที่แตกต่างกันได้
5. ระบบโอนโทเคนข้ามเชน (Warp Routes)
Hyperlane มีฟีเจอร์ Warp Routes สำหรับการเคลื่อนย้ายสินทรัพย์ เช่น ETH, ERC-20 Tokens, NFT และ Native Tokens ข้ามเชนต่าง ๆ
รูปแบบ Warp Routes มีหลากหลาย เช่น
Lock โทเคนต้นทางเพื่อ Mint โทเคนใหม่บนเชนปลายทาง
Lock native token เช่น ETH แล้วสร้าง token synthetics บนเชนใหม่
แลก native token เป็น collateral token บนอีกเครือข่ายหนึ่ง
แต่ละ Warp Route สามารถตั้งค่าความปลอดภัยแยกกันได้ด้วย ISMs ตามความเหมาะสม
โทเคน HYPER คืออะไร?
HYPER คือโทเคนประจำระบบนิเวศของ Hyperlane โดยมีบทบาทสำคัญในการ
ใช้ในการวางเดิมพัน (Staking) เพื่อรักษาความปลอดภัยของการส่งข้อความข้ามเครือข่าย
ใช้เป็นแรงจูงใจให้กับ Validator และผู้เข้าร่วมเครือข่าย
ช่วยกำกับทิศทางการพัฒนาระบบในอนาคต
ผู้ที่ Stake HYPER จะมีบทบาทในการช่วยตรวจสอบและยืนยันธุรกรรมข้ามเครือข่าย และได้รับรางวัลตอบแทนตามผลงาน
สรุป
Hyperlane เป็นโปรโตคอลเชื่อมต่อข้ามบล็อกเชนที่ออกแบบมาให้เปิดกว้าง ไม่ต้องขออนุญาต และสามารถปรับแต่งความปลอดภัยได้ตามต้องการ
ด้วยฟีเจอร์อย่าง Mailbox, ISMs และ Warp Routes ทำให้นักพัฒนาสามารถสร้างระบบที่ซับซ้อนและยืดหยุ่นข้ามเครือข่ายได้อย่างแท้จริง
อย่างไรก็ตาม การใช้งาน Hyperlane ก็มีความเสี่ยงตามธรรมชาติของโปรโตคอลข้ามเชน เช่น ความซับซ้อนของการตั้งค่าความปลอดภัย และความเสี่ยงที่เกิดจาก Validator
จึงควรศึกษาอย่างละเอียดก่อนนำไปใช้งานในระบบที่มีความสำคัญสูง