Hyperlane (HYPER) คืออะไร?

2025-04-29

เมื่อมีเครือข่ายบล็อกเชนใหม่ ๆ เกิดขึ้นทุกปี ความท้าทายสำคัญอย่างหนึ่งคือการทำให้บล็อกเชนเหล่านี้สื่อสารกันได้อย่างปลอดภัยและรวดเร็ว
Hyperlane คือโปรโตคอลที่ออกแบบมาเพื่อแก้ไขปัญหานี้ โดยช่วยให้การเชื่อมต่อและส่งข้อมูลระหว่างบล็อกเชนทำได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องพึ่งพาศูนย์กลางหรือคนกลาง

ไม่ว่าจะเป็นการส่งข้อมูล โทเคน หรือเรียกใช้งาน Smart Contract ข้ามเครือข่าย Hyperlane ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อทำให้การสื่อสารข้ามบล็อกเชนมีความยืดหยุ่น รวดเร็ว และปลอดภัย

Hyperlane ทำงานอย่างไร?

Hyperlane เป็นโปรโตคอลที่เน้น Interoperability หรือการทำให้บล็อกเชนต่างระบบสามารถสื่อสารและโต้ตอบกันได้อย่างราบรื่น
นักพัฒนาสามารถใช้ Hyperlane เพื่อส่งข้อความ โอนทรัพย์สิน และกระตุ้น Smart Contract ข้ามบล็อกเชนหลายระบบ

สิ่งที่ทำให้ Hyperlane แตกต่าง คือ การออกแบบให้ Permissionless (ไม่ต้องขออนุญาต) และ Modular (ปรับแต่งได้) ซึ่งหมายความว่านักพัฒนาสามารถติดตั้ง Hyperlane บนเครือข่ายใด ๆ ก็ได้ ตั้งแต่ Layer 1, Rollup ไปจนถึง App-chain โดยปรับแต่งระดับความปลอดภัยตามที่ต้องการได้

จุดเด่นสำคัญของ Hyperlane

1. Permissionless
Hyperlane เปิดให้ใครก็ได้สามารถนำไปติดตั้งบนบล็อกเชนที่ต้องการได้ทันทีโดยไม่ต้องขออนุญาตจากทีมพัฒนา

2. ระบบส่งข้อความข้ามเครือข่าย (Mailbox)
Hyperlane ใช้สมาร์ตคอนแทรกต์ชื่อ Mailbox บนทุกเครือข่ายที่รองรับ เพื่อส่งและรับข้อความข้ามเครือข่าย เปรียบได้กับกล่องจดหมายกลางสำหรับบล็อกเชน

เมื่อมีการส่งข้อความ ข้อมูลจะถูกส่งผ่าน Mailbox บนต้นทาง และถูกตรวจสอบโดยระบบรักษาความปลอดภัย (Security Module) ก่อนจะถูกประมวลผลบนปลายทาง

3. ระบบความปลอดภัยแบบปรับแต่งได้ (ISMs)
Hyperlane ใช้แนวคิด Interchain Security Modules (ISMs) เพื่อให้นักพัฒนากำหนดรูปแบบการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลข้ามเครือข่ายได้อย่างยืดหยุ่น

รูปแบบการใช้งาน ISMs มี 4 แบบ

  • ใช้ ISM เริ่มต้นที่ติดมากับ Mailbox

  • เลือก ISM สำเร็จรูปแล้วปรับแต่งการตั้งค่า

  • ผสมหลาย ISMs เพื่อสร้างระบบรักษาความปลอดภัยแบบหลายชั้น

  • เขียน ISM ขึ้นมาเองเพื่อรองรับการใช้งานพิเศษ

ตัวอย่างเช่น หากสร้างแอปพลิเคชันด้านการเงินมูลค่าสูง อาจเลือกใช้ ISM ที่เน้นความปลอดภัยสูง แม้จะใช้ก๊าซ (gas) มากขึ้น หรือทำงานช้าลง เพื่อความปลอดภัยสูงสุด

4. รองรับหลายระบบ VM
Hyperlane รองรับหลาย Virtual Machines เช่น

  • EVM (Ethereum Virtual Machine) ที่ใช้บน Ethereum

  • SVM (Sealevel Virtual Machine) ที่ใช้บน Solana

  • CosmWasm ที่ใช้บนบล็อกเชนแบบ Cosmos SDK
    และสามารถส่งข้อมูลหรือสินทรัพย์ข้ามระหว่าง VM ที่แตกต่างกันได้

5. ระบบโอนโทเคนข้ามเชน (Warp Routes)
Hyperlane มีฟีเจอร์ Warp Routes สำหรับการเคลื่อนย้ายสินทรัพย์ เช่น ETH, ERC-20 Tokens, NFT และ Native Tokens ข้ามเชนต่าง ๆ
รูปแบบ Warp Routes มีหลากหลาย เช่น

  • Lock โทเคนต้นทางเพื่อ Mint โทเคนใหม่บนเชนปลายทาง

  • Lock native token เช่น ETH แล้วสร้าง token synthetics บนเชนใหม่

  • แลก native token เป็น collateral token บนอีกเครือข่ายหนึ่ง

แต่ละ Warp Route สามารถตั้งค่าความปลอดภัยแยกกันได้ด้วย ISMs ตามความเหมาะสม

โทเคน HYPER คืออะไร?

HYPER คือโทเคนประจำระบบนิเวศของ Hyperlane โดยมีบทบาทสำคัญในการ

  • ใช้ในการวางเดิมพัน (Staking) เพื่อรักษาความปลอดภัยของการส่งข้อความข้ามเครือข่าย

  • ใช้เป็นแรงจูงใจให้กับ Validator และผู้เข้าร่วมเครือข่าย

  • ช่วยกำกับทิศทางการพัฒนาระบบในอนาคต

ผู้ที่ Stake HYPER จะมีบทบาทในการช่วยตรวจสอบและยืนยันธุรกรรมข้ามเครือข่าย และได้รับรางวัลตอบแทนตามผลงาน

สรุป

Hyperlane เป็นโปรโตคอลเชื่อมต่อข้ามบล็อกเชนที่ออกแบบมาให้เปิดกว้าง ไม่ต้องขออนุญาต และสามารถปรับแต่งความปลอดภัยได้ตามต้องการ
ด้วยฟีเจอร์อย่าง Mailbox, ISMs และ Warp Routes ทำให้นักพัฒนาสามารถสร้างระบบที่ซับซ้อนและยืดหยุ่นข้ามเครือข่ายได้อย่างแท้จริง

อย่างไรก็ตาม การใช้งาน Hyperlane ก็มีความเสี่ยงตามธรรมชาติของโปรโตคอลข้ามเชน เช่น ความซับซ้อนของการตั้งค่าความปลอดภัย และความเสี่ยงที่เกิดจาก Validator
จึงควรศึกษาอย่างละเอียดก่อนนำไปใช้งานในระบบที่มีความสำคัญสูง