Metaverse โลกอนาคต ที่อาจจะมาใกล้กว่าที่ทุกคนคิด แล้วคริปโตเกี่ยวกันยังไง?

2024-05-15

เราคงเคยได้ยินคำว่า Metaverse ผ่านหูผ่านตากันมาบ้างอย่างแน่นอน โดยเฉพาะในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานี้ แต่แนวคิดนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะมันมีมาตั้งแต่ช่วงยุค 90 แล้ว โดยส่วนใหญ่มักจะพบได้ตามหนังสือหรือนิยายวิทยาศาสตร์

แต่ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของเรา ทำให้ Metaverse ได้รับความสนใจมากขึ้น ผู้คนต่างตระหนักว่าสิ่งนี้สามารถเปลี่ยนวิธีการเข้าสังคมและการทำธุรกิจออนไลน์ของเราได้

แล้ว Metaverse จริงๆ มันคืออะไร?

เราอาจจะสงสัยว่าแล้วคำเท่ๆ อย่าง Metaverse นี่มันหมายถึงอะไรกันแน่ ลองคิดว่ามันเป็นสะพานเชื่อมระหว่างโลกดิจิทัลกับโลกแห่งความเป็นจริง ทำให้ประสบการณ์บนโลกออนไลน์ดูเกือบจะเหมือนของจริง ด้วยส่วนผสมของเทคโนโลยีต่างๆ เช่น อินเทอร์เน็ต, Virtual Reality (VR), Augmented Reality (AR), ปัญญาประดิษฐ์ (AI), เทคโนโลยี 3D และ IoT ทั้งหมดนี้ต่างมีส่วนที่ทำให้โลกดิจิทัลสมจริงมากยิ่งขึ้น

ในนิยายวิทยาศาสตร์ Metaverse มักจะเป็นโลกเสมือนจริงที่ดูสมบูรณ์แบบ เราเริ่มเห็นว่าแนวคิดนี้สามารถเกิดขึ้นจริงได้ ด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชนและคริปโทเคอร์เรนซี ความก้าวหน้าของ Web3 ได้กระตุ้นให้นักพัฒนาสร้าง Decentralized Application (dApps) ที่ให้ความรู้สึกเหมือน Metaverse เล็กน้อย เกมอย่าง Axie Infinity, The SANDBOX และ Decentraland กำลังเริ่มทำให้เส้นแบ่งระหว่างโลกจริงกับโลกเสมือนจริงค่อยๆ จางหายไป

ย้อนประวัติการเดินทางของ Metaverse

เป็นที่รู้กันว่า Metaverse ถูกพูดถึงในวงกว้างตั้งแต่ในช่วงทศวรรษ 1990 ลองมาทบทวนกันดูว่ามันผ่านอะไรมาบ้าง

ปี 1838: เซอร์ Charles Wheatstone เปิดตัวแนวคิดของ "การมองเห็นด้วยสองตา" ซึ่งช่วยในการสร้างภาพ 3 มิติ นี่เป็นเหมือนจุดเริ่มต้นที่สำคัญของเทคโนโลยี VR

ปี 1935: หนังสือ "Pygmalion's Spectacles" ของ Stanley Weinbaum บอกใบ้ถึงศักยภาพของ VR ว่าตัวละครจะสามารถสัมผัสกับโลกเสมือนผ่านแว่นตาแบบพิเศษ

ปี 1938: Antoine Artaud นักเขียนชาวฝรั่งเศสใช้คำว่า "Virtual Reality" เป็นครั้งแรก โดยนำเสนอว่าโรงละครหรือโรงหนัง สามารถสร้างโลกใบอื่นๆ ได้อย่างไร

ปี 1962: ผู้กำกับหนังชาวอเมริกัน Morton Heilig ออกแบบอุปกรณ์ที่สร้างภาพลวงตาของการขี่มอเตอร์ไซค์ในสถานที่อื่น นับเป็นความพยายามในช่วงแรกของ VR

ปี 1984: Jaron Lanier และ Thomas G. Zimmerman เปิดตัวบริษัทแรกๆ ที่สร้างและขายผลิตภัณฑ์ VR

ปี 1989: Tim Berners-Lee นักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษเสนอแนวคิดของ World Wide Web (WWW) ซึ่งเป็นแนวคิดของเครื่องมือที่ใช้ในการแบ่งปันข้อมูลทั่วโลก

ปี 1992: คำว่า "Metaverse" ปรากฏขึ้นครั้งแรกในนิยายแนว Sci-Fi ของ Neal Stephenson เรื่อง Snow Crash ซึ่งเป็นภาพอนาคตที่ผู้คนใช้ร่างอวตารดิจิทัลเพื่อไปโลดแล่นในโลกเสมือนจริง

ปี 1993: นักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์อย่าง Moni Naor และ Cynthia Dwork คิดค้นระบบ Algorithm แบบ Proof-of-Work (PoW) เพื่อป้องกันการใช้บริการคอมพิวเตอร์ในทางที่ผิด ซึ่งเป็นแนวคิดสำคัญที่ต่อยอดมาเป็นการพัฒนาคริปโทเคอร์เรนซีในตอนหลัง

ปี 2003: Linden Lab เปิดตัว Second Life ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม Multimedia ที่ผู้คนสามารถแบ่งปัน Virtual Space และเข้าไปสำรวจ, โต้ตอบระหว่างกัน รวมถึงสร้างสิ่งต่างๆ ด้วยคอมพิวเตอร์ของตัวเอง

ปี 2006: Roblox Corporation เปิดตัว Roblox ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มเกมที่ผู้เล่นสามารถออกแบบเกมของตัวเองได้ และมีสกุลเงินเสมือนของตัวเองที่เรียกว่า Robux

ปี 2007: Google ปรับปรุง Maps ของตัวเองด้วย Street View ทำให้แผนที่มีรูปลักษณ์เหมือนสถานที่จริง

ปี 2009: Satoshi Nakamoto สร้างบล็อกเชน และคริปโทเคอร์เรนซีสกุลแรกของโลก อย่าง Bitcoin ขึ้นมา

ปี 2012: Palmer Luckey เปิดตัว Oculus ซึ่งเป็นชุดหูฟังแบบ VR ที่เชื่อมต่อผู้ใช้กับโลกเสมือนจริงแบบ 3D

ปี 2014: Kevin McCoy และ Anil Dash สร้าง Quantum ซึ่งเป็น Non-Fungible Token (NFT) ตัวแรกของโลก

ปี 2015: Vitalik Buterin เปิดตัว Ethereum ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัล แบบ Decentralized ที่ทำงานด้วยระบบ Smart Contract และมี Algorithm แบบ Proof-of-Work

ปี 2016: เกิด Decentralized Autonomous Organizations (DAOs) ขึ้นมาเป็นครั้งแรกในชื่อ The DAO บนเครือข่าย Ethereum และในปีเดียวกันนั้นเอง Pokémon GO ซึ่งเป็นเกมที่ใช้เทคโนโลยี AR ก็ได้เปิดตัวสู่ท้องตลาดเช่นกัน

ปี 2021: Facebook เปลี่ยนชื่อเป็น Meta ทำให้ Metaverse เป็นแนวคิดที่ดูจะเป็นไปได้จริง ไม่ใช่แค่แนวคิด Sci-Fi

ปี 2022: Siemens และ NVIDIA ร่วมมือกันสร้าง Industrial Metaverse ซึ่งเป็นโครงการที่รวมซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์เพื่อสร้างโลกดิจิทัลที่สมจริง

ปี 2023: Apple เปิดตัว Apple Vision Pro แว่นเทคโนโลยี AR ที่ผสมผสานโลกจริงและโลกเสมือนเข้าเอาไว้ด้วยกัน ทำให้โลก Metaverse ดูจะเป็นไปได้มากขึ้นไปอีก


แล้วคริปโตเกี่ยวกับ Metaverse ยังไง?

ใครนึกไม่ออกว่าเกี่ยวกันยังไง ลองนึกถึงเกม Axie Infinity ที่เคยดังถล่มทลายเมื่อหลายปีก่อน ชนิดที่ต่อให้เป็นคนนอกวงการคริปโตยังรู้จัก Axie Infinity ซึ่งเป็นเกม metaverse แบบ P2E ที่นำบล็อกเชนและคริปโตมาใช้งาน ไม่ว่าจะเรื่องการซื้อขายสิ่งต่างๆ ในเกมด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชน หรือการใช้หลักการ NFT เพื่อสร้าง Axie ซึ่งเป็นมอนสเตอร์ที่เราใช้ในการแข่งขันกับผู้เล่นคนอื่น

จะเห็นได้ว่า บล็อกเชนและคริปโตมีความสำคัญต่อการสร้าง Metaverse โดยบล็อกเชนสามารถช่วยสร้างธุรกรรมที่ปลอดภัย ในขณะที่คริปโตช่วยในการถ่ายโอนสิ่งต่างๆ ด้วยความรวดเร็ว ปลอดภัย และตรวจสอบได้ สินทรัพย์ดิจิทัลที่ไม่ซ้ำกับของใครใน Metaverse สามารถแสดงผลได้ด้วย NFT ที่สร้างขึ้นมาโดยเฉพาะ

dApps ยังช่วยให้ผู้ใช้สามารถควบคุมข้อมูลและสินทรัพย์ของตัวเองได้ ซึ่งปลอดภัยกว่าแอปพลิเคชันแบบเดิมๆ ส่วนเทคโนโลยีอื่นๆ เช่น VR, AR, AI และ Natural Language ช่วยให้ Metaverse สมจริงมากขึ้น

อนาคตของ Metaverse

แม้ว่าแนวคิดของ Metaverse จะไปไกลแล้ว แต่ก็ยังมีอะไรอีกมากที่ต้องทำ ทั้งความต้องการของเครือข่ายที่รวดเร็ว สามารถรองรับผู้ใช้งานได้หลายคน อีกทั้งเครื่องมือในการสร้างและแบ่งปันประสบการณ์ที่เสมือนจริง นอกจากนี้ ยังมีความกังวลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยอีกด้วย

ถึงแม้ Metaverse จะเริ่มจากแนวคิดแบบ Sci-Fi แต่เมื่อเทคโนโลยีพัฒนามากขึ้น ก็ทำให้แนวคิดดังกล่าวดูจะสามารถเป็นจริงได้ ด้วยความช่วยเหลือของบล็อกเชน และคริปโทเคอร์เรนซี เราจะได้เห็นแพลตฟอร์มแบบ Decentralized ที่ปลอดภัยมากขึ้นสำหรับ Metaverse

ถึงแม้ Metaverse ยังคงอยู่ในช่วงตั้งไข่ แต่ใครจะไปรู้ ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เราอาจจะได้โลดแล่นในโลกที่เหมือนกับ Ready Player One ก็เป็นได้

.

ติดตามข้อมูลสาระน่ารู้เกี่ยวกับบล็อกเชนและคริปโทเคอร์เรนซีได้ที่นี่ และดาวน์โหลด Binance TH by Gulf Binance ได้ที่ https://bit.ly/try-BinanceTH

คำเตือน : คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้